|
การสื่อสารดาวเทียมนับว่าเป็นวิธีการในการส่งข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันที่นิยมกันมาก
ซึ่งอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้อย่างก้วางขวาง และรวดเร็ว
เป็นการสื่อสารที่มีวิวัฒนาการมาจากการสื่อสารแบบไมโคเวฟ
และมีผู้ที่เขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์ขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน
และต่อมาก็สามารถทำขึ้นได้จริง ๆ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
มาจนมีเทคโนโลยีในการสื่อสารที่สูงมากขึ้น ในช่วงแรกๆ
ดาวเทียมได้ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้ประโยชน์ในด้านการทหาร
และได้พัฒนามาใช้ทางด้านการพยากรณ์อากาศ การค้นหาทรัพยกรธรณี และการสื่อสาร
ซึ่งจะกล่าวถึงในที่นี้คือ " ดาวเทียมสื่อสาร " ที่ใช้ในกิจการระบบโทรทัศน์ (DTH:
DIRECT TO HOME) ดาวเทียมสื่อสารที่ส่งขึ้นไปครั้งแรกเมื่อปี 2508
โดยยองค์การโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL TELECOMMUNICATIONS SATELLITE
ORGANIZATION) หรือเรียกย่อว่า INTELSAT หลังจากนั้น INTELSAT
ก็ได้ทำการส่งดาวเทียมในปีต่างๆ ต่อไปเรื่อยๆ |
สำหรับประเทศไทย เมื่อปี 2536 ประเทศไทยเราก็มีโครงการสร้างดาวเทียมของตนเองขึ้น
และเรามีดาวเทียมมาใช้ภายในประเทศอย่างแท้จริงเมื่อปี 2538
ในนามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันว่า " ไทยคม "
(THAICOM) |
ผู้ริเริ่มให้แนวคิดการสื่อสารดาวเทียม |
|
" อาเธอร์ ซี คลาร์ก
" (ARTHUR C. CLARKE)
เป็นนักเขียนนวนิยายและสารคดีวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20
เขาได้สร้างจินตนาการของการสื่อสารดาวเทียมให้เราได้รู้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945
หรือตรงกับ พ.ศ. 2488 โดยเขียนบทความเรื่อง " EXTRA TERRESTRIAL RELAYS" ในนิตยสาร
"WIRELESS WORLD" ฉบับเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1945 ซึ่งในบทความได้กล่าวถึงว่า "
ถ้ามนุษย์ชาติเรานำเอาสถานีทวนสัญญาณขึ้นไปลอยในอวกาศ
เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณข่าวสารต่างๆ
เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างจุดหนึ่งกับอีกจุดหนึ่ง ในรูปแบบของภาคพื้นดินสู่อวกาศ
และจากอวกาศกลับเข้ามาสู่ภาคพื้นดินอีกครั้งหนึ่ง โดยเรียกสถานีทวนสัญญาณนี้ว่า "
ดาวเทียม " |
โดยดาวเทียมนั้นจะลอยอยู่ในอวกาศ โคจรรอบโลก ในลักษณะการโคจรเป็นแบบวงกลม
ที่เรียกว่า " Geostationary Orbit " ซึ่งดาวเทียมจะลอยอยู่เหนื่อเส้นศูนย์สูตร
ที่ระดับความสูงประมาณ 35,786 กิโลเมตร วัดจากพื้นโลก
ซึ่งวงโคจรนี้จะต้องทำให้ดาวเทียมนั้น
โคจรด้วยความเร็วเท่ากับที่โลกนั้นหมุนรอบตัวเอง เท่ากับ 24 ชั่วโมง
หรือหนึ่งรอบพอดี ดังนั้นเมื่อเรามองไปยังดาวเทียม
จึงทำให้เป็นภาพลวงตาซึ่งมองเห็นว่า ดาวเทียมนั้ยลอยอยู่กับที่
แต่จริงแล้วมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
แนวคิดนี้เองที่ทำให้ส่งสัญญาณรายการโทรทัศฯและวิทยุได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก
และครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างกว้างขวาง
แต่มีการลงทุนที่ค่อนข้างต่ำเพราะไม่จำเป็นต้องสร้างสถานีทวนสัญญาน (Repeater)
มากเหมือนการสื่อสารภาคพื้นดินอื้นๆ
ซึ่งทำให้สามารถส่งสัญญาณมายังลูกค้าโดยตรงอย่างที่เรียกกันว่า DTH (Direct To Home
) |
|
นอกจากนี้นายอาเธอร์ ซี. คลาค ยังให้แนวคิดไว้ว่า
โลกจะทำการสื่อสารผ่านดาวเทียม
โดยทั่วโลกได้นั้นจำเป็นต้องมีการนำเอาสถานีทวนสัญญาณที่เรียกว่าดาวเทียม
ไปลอยอยู่ในอวกาศเหนือมหาสมุทรทั้งสามมหาสมุทรหลักๆ คือ มหาสมุทรแอตแลนติก,
มหาสมุทร แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งดาวเทียมทั้ง 3 จุดนี้
จะต้องลอยและโคจรอยู่ในวงโคจรเหนือเส้นศุนย์สูตร ที่มีชื่อเรียกตามสัญญานามว่า
Clarke Orbit หรือเรียกเป็นไทยว่า "
ดาวเทียมค้างฟ้า " |
|
|
ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 ประเทศสหภาพโซเวียต (รัสเซีย)
เป็นชาติแรกที่ส่งดาวเทียมชื่อว่า " สปุตนิค 1" (Sputnik 1)
ไปโคจรในอวกาศในระดับต่ำ
แล้วส่งข้อมูลเกี่ยวกับความหนาแน่นและอุณภูมิของบรรยากาศชั้นสูงกลับมาสู่โลก
ด้วยความถี่ 20.005 MHz และ 40.005 MHz
ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีทางดาวอวกาศ
และดาวเทียมของโลกทีเดียว
มาถึงในปี พ.ศ. 2505 ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่งดาวเทียมชื่อว่า " เทลสตาร์ 1"
(Telstar 1) ขึ้นไปโคจรรอบโลกเป็นวงรี แต่ยังไม่อยู่ในวงโคจรที่เรียกว่า
Geostationary โดยใช้การควบคุมการโคจรจากสถานีภาคพื้นดินที่อยู่บนโลก
ดาวเทียมดวงนี้ถือว่าเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ใช้ในการสื่อสารอย่างแท้จริง
และใช้ส่งรายการโทรทัศน์รวมลงม่ด้วย ต่อมาอีก 3 ปี คือปี พ.ศ. 2508
ได้มีการส่งดาวเทียมที่ชื่อว่า " เออร์ลี่เบริร์ด " (Early Bird)
ขึ้นไปโครจรในวงโคจร Geostationary
ซึ่งถือว่าเป็นดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรแบบค้างฟ้า
และใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นดาวแรกอย่างแท้จริง โดยมีช่องสัญญาณการถ่ายทอด
สัญญาณเกี่ยวกับโทรทัศน์, เทเล็กซ์, ข่าวสารต่างๆ รวมทั้งรายการโทรทัศน์
ที่รับมาจากด้านหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ผ่านดาวเทียมเพื่อส่งไปส่วนอื่นๆ
ของประเทศ |
หลังจากที่ดาวเทียมเออร์ลี่เบิร์ด
ประสบความสำเร็จแล้ว องค์การดาวเทียมเพื่อการสื่อสารโทรคมระหว่างประเทศ ( INTELSAT
: International Telecommunications Satellite Organization )
ก็ได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโจรอีกหลายดวง ภายใต้ชื่อของอินเทลแซท (INTELSAT)
โดยมีหมายเลขเรียงลำดับก่อนหลังกันไป เมื่อรวมกับดาวเทียมของบริษัทอื่นๆ
ที่ส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกในปัจจุบัน จะมีจำนวนประมาณมากกว่า 150 ดวง (
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.lyngsat.com )
โดยโครจรอยู่ในวงโคจร Geostationary มีใช้ทั้งงานการให้บริการภายในประเทศ
และระหว่างประเทศรวมกันไป |
อ่านต่อหน้า <1>,
<2>,
<3>, <4> ,<5>,
<6>,
<7>,
<8>, <9>, <10>